การตัดวอเตอร์เจ็ท (Waterjet Cutting)

เทคโนโลยีการตัดโลหะด้วยระบบ วอเตอร์เจ็ท (Waterjet System) เป็นเทคโนโลยีที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก เนื่องจากการใช้งานที่ง่าย ผู้ผลิตเล็งเห็นว่าการนำกรรมวิธีการตัดโลหะด้วยระบบ วอเตอร์เจ็ท (Waterjet System) หรือเครื่องตัดพลังน้ำ สามารถนำไปใช้ในงานตัดโหละได้โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ทั้งตัดงานแข็ง เช่น ในงานตัดกระจก งานตัดหิน ตัดโลหะ หรือ เป็นเครื่องตัดงานอ่อน เช่น กระดาษ ยาง โฟม เป็นต้น



การตัดด้วยระบบ วอเตอร์เจ็ท (Water Jet) ให้ประโยชน์อย่างมากมายแก่โรงงานทุกประเภท ซึ่งที่เห็นเด่นชัดจะได้แก่:

การตัดวอเตอร์เจ็ท (Waterjet Cutting)

สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านวัตถุดิบและการผลิต
การตัดโลหะด้วยระบบ วอเตอร์เจ็ท (Water Jet) อุปกรณ์สามารถติดตั้งได้ง่าย สะดวก ไม่ยุ่งยาก ทำให้ท่านประหยัดเวลาอันมีค่าได้ วอเตอร์เจ็ท (Water Jet) สามารถตัดวัสดุได้อย่างแม่นยำ ขอบงานเรียบ สูญเสียเนื้อวัสดุเพียงนิดเดียวและลดปริมาณเศษวัสดุ ช่วยประหยัดเงินในการใช้วัตถุดิบเป็นอย่างมาก

สามารถใช้ วอเตอร์เจ็ท (Water Jet) ร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆได้
ทุกวันนี้โรงงานต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะใช้เครื่องตัดวอเตอร์เจ็ท (Water Jet) เพิ่มขึ้นในกระบวนการทำงาน เพื่อเสริมอุปกรณ์การตัดประเภทอื่นให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ในระบบ EDM, เลเซอร์ (Laser), มิลลิ่ง (Milling) และการตัดพลาสมา (Plasma cutting)

เทคโนโลยี วอเตอร์เจ็ท (Waterjet)
เมื่อน้ำได้รับแรงดันสูงถึง 60,000 ปอนด์ (หรือมากกว่า) ต่อตารางนิ้ว (psi) ถูกบังคับให้ไหลผ่านปากท่อฉีดน้ำขนาดเล็ก ซึ่งทำให้มันสามารถตัดวัสดุที่มีความอ่อนได้ดี ไม่ว่าจะเป็นอาหาร กระดาษ ยาง หรือโฟม เมื่อเติมสารกัดกร่อน เช่นโกเมน เข้าไปในกระแสน้ำ จะเกิดกระบวนการแอบราซีพวอเตอร์เจ็ท “Abrasive Waterjet” ซึ่งสามารถตัดวัสดุที่มีความแข็งได้ โดยเป็น เครื่องตัดพลังน้ำ และ เครื่องตัดหิน ที่ตัดได้ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก วัสดุผสมสังเคราะห์ หินและแก้ว หัวใจหลักของระบบ วอเตอร์เจ็ท (Water Jet) ก็คือเครื่องสูบน้ำแรงดันสูงพิเศษ (Ultrahigh-pressure pump)