เปลวไฟเชื่อมจะมีความสม่ำเสมอและมีเสถียรภาพ (stable) มากกว่าการใช้แก๊สชนิดอื่น ด้วยคุณสมบัติข้อนี้จึงมักใช้แก๊สอาร์กอนผสมกับแก๊สชนิดอื่น ๆ อาร์กอนจะทำให้ไฟเชื่อมไม่มีเสียงดังและลดปริมาณเศษเม็ดโลหะ(spatter)ด้วย
แก๊สอาร์กอน |
อาร์กอนจะแตกตัวเป็นอะตอมได้ดีกว่าฮีเลียม ทำให้อาร์กอนสามารถถ่ายเทพลังงานไฟฟ้าได้บางส่วน ด้วยเหตุนี้ อาร์กอนจึงใช้อาร์คโวลต์เทจ (arc voltage หมายถึงแรงเคลื่อนไฟฟ้า ที่สามารถไหลผ่านการอาร์กขณะเชื่อม) ต่ำกว่าของฮีเลียม ผลที่เกิดตามมาก็คือ ความร้อนของเปลวไฟเชื่อมเมื่อใช้อาร์กอนจะร้อนน้อยกว่าเปลวไฟเชื่อมเมื่อใช้ฮีเลี่ยม ดังนั้นจึงมักใช้แก๊สอาร์กอนในงานเชื่อมโลหะที่ใช้ทำเครื่องมือและวัสดุที่มีค่าความนำความร้อนต่ำ
ในการเชื่อมวัสดุจำพวกเหล็กกล้าคาร์บอน (corbon steel) โดยวิธีการเชื่อม MIG มักจะไม่ใช้แก๊สอาร์กอนบริสุทธิ์ เพราะว่าจะทำให้การซึมลึกของรอยเชื่อมไม่ดี (poor penetration) เกิดอันเดอร์คัต (undercut หมายถึง รอยแหว่งที่เกิดขึ้นบนชิ้นงานตรงขอบรอยเชื่อม) และทำให้แนวเชื่อมแย่มาก (poor bead contour) การใช้แก๊สอาร์กอนในสมัยแรกใช้ในการเชื่อมโลหะที่ไม่ใช้เหล็ก (nonferrous) เช่น ทองแดงและโลหะผสมของอะลูมิเนียมกับแมกนีเซียม
ข้อดีของการใช้อาร์กอน
คือมีการซึมลึกของรอยเชื่อมดีและมีเศษเม็ดโลหะน้อย จึงทำให้การใช้ก๊าซอาร์กอนเป็นที่ต้องการใช้ในการเชื่อมงานท่าอื่นๆ ที่ไม่ใช่ท่าเชื่อมในแนวราบ
No comments:
Post a Comment